ฟอสเฟตแอมโมเนียมมอนอเอน (MAP) ในเกษตรกรรมสมัยใหม่: เพิ่มประสิทธิภาพการใช้ปุ๋ยฟอสฟอรัสและผลผลิตพืชอย่างไรให้สูงขึ้น

2025-07-31
ยูนนานอิงฟู่
ความรู้
ในบทความนี้ เราจะเจาะลึกถึงบทบาทสำคัญของฟอสเฟตแอมโมเนียมมอนอเอน (MAP) ซึ่งเป็นปุ๋ยฟอสฟอรัสประสิทธิภาพสูงที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในเกษตรกรรมสมัยใหม่ โดยเฉพาะในการเพิ่มอัตราการดูดซึมฟอสฟอรัสในพืชและกระตุ้นการเติบโตของพืชให้มีผลผลิตมากขึ้น ผ่านการวิเคราะห์คุณสมบัติทางเคมี เหมาะกับพืชชนิดใด-ดินประเภทใด และกลยุทธ์การใส่ปุ๋ยที่เหมาะสม พร้อมยกตัวอย่างจากงานวิจัยจริงและกรณีศึกษาจากฟาร์มในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ข้าว ข้าวโพด และมะเขือเทศ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการลดการสูญเสียปุ๋ยและเพิ่มผลผลิตเฉลี่ย 15–25% เมื่อเทียบกับการใช้ปุ๋ยฟอสฟอรัสแบบเดิม ทำให้ MAP เป็นตัวเลือกที่ชาญฉลาดสำหรับเกษตรกรที่ต้องการผลผลิตสูงและยั่งยืน
营销主题配图_1752732003219.jpg

ฟอสเฟตแอมโมเนียมโมโน (MAP) ในเกษตรกรรมยุคใหม่: เพิ่มประสิทธิภาพการใช้ปุ๋ยฟอสฟอรัสและผลผลิตพืช

ในวงการเกษตรที่ต้องเผชิญกับความต้องการอาหารเพิ่มขึ้นและทรัพยากรจำกัด การเลือกใช้ปุ๋ยที่มีประสิทธิภาพจึงเป็นหัวใจสำคัญของการผลิตที่ยั่งยืน หนึ่งในสารเคมีที่ได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มปุ๋ยฟอสฟอรัสคือ ฟอสเฟตแอมโมเนียมโมโน (Monoammonium Phosphate - MAP) ซึ่งไม่เพียงแต่ให้ไนโตรเจนและฟอสฟอรัสในอัตราส่วนที่สมดุล แต่ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดูดซึมของพืชโดยตรง

ทำไม MAP ถึงเหมาะกับการเกษตรสมัยใหม่?

MAP มีสูตรทางเคมีเป็น NH₄H₂PO₄ โดยมี N:P₂O₅ = 11:52% ซึ่งหมายความว่าพืชสามารถดูดซึมธาตุอาหารได้อย่างรวดเร็วในช่วงแรกของการเจริญเติบโต งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ไทย (2022) พบว่า เมื่อเทียบกับปุ๋ยฟอสฟอรัสแบบธรรมดา เช่น Superphosphate, MAP ช่วยเพิ่มการดูดซึมฟอสฟอรัสในพืชได้ถึง 35–40% โดยเฉพาะในดินที่มี pH ระหว่าง 5.5–7.0

ประเภทพืช ปริมาณ MAP ที่แนะนำ (กก./ไร่) ผลผลิตเฉลี่ย (กก./ไร่)
ข้าว 60–80 4,200–4,800
ข้าวโพด 50–70 3,800–4,300
มะเขือเทศ 40–60 2,500–3,000

MAP ส่งเสริมการพัฒนาของรากและภูมิคุ้มกันพืช

จากการศึกษาของศูนย์วิจัยพืชเศรษฐกิจแห่งชาติ (2021) พบว่า พืชที่ได้รับ MAP อย่างเหมาะสมจะมีรากยาวขึ้นถึง 25% และมีจำนวนรากฝอยมากขึ้นกว่า 30% เมื่อเทียบกับกลุ่มควบคุม ซึ่งนำไปสู่การดูดซึมน้ำและแร่ธาตุได้ดีขึ้น โดยเฉพาะในฤดูแล้งหรือพื้นที่ขาดน้ำ ทำให้พืชทนต่อความเครียดได้ดีขึ้น

นอกจากนี้ MAP ยังช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของพืชผ่านการสร้างสารฟอสโฟลิปิดในเยื่อหุ้มเซลล์ ลดการเกิดโรคเชื้อราและแบคทีเรีย เช่น โรคใบไหม้ในข้าว หรือโรคไวรัสในมะเขือเทศ ตามรายงานจากโครงการพัฒนาเกษตรอินทรีย์ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พบว่าการใช้ MAP ร่วมกับปุ๋ยอินทรีย์สามารถลดการใช้สารฆ่าเชื้อได้ถึง 40%

เหมาะกับดินประเภทใด? วิธีใช้ให้ได้ผลสูงสุด

MAP เหมาะสำหรับดินประเภทดินร่วน ดินทราย และดินเหนียวที่มี pH กลางถึงเป็นกรดเล็กน้อย (5.5–7.0) หากใช้กับดินเป็นด่าง (pH > 7.5) ควรผสมกับปุ๋ยอินทรีย์เพื่อปรับสภาพดินและลดการจับกับแคลเซียม

คำแนะนำในการใช้: ใช้ในช่วงปลูกขั้นต้น (15–30 วันแรกหลังหว่าน) หรือผสมกับปุ๋ยอินทรีย์ในกระบวนการเตรียมดิน เพื่อให้พืชได้รับธาตุอาหารอย่างต่อเนื่องและลดการสูญเสียฟอสฟอรัสในดิน

คุณกำลังมองหาวิธีเพิ่มผลผลิตและลดต้นทุนการผลิตในภาคเกษตร?
MAP คือคำตอบที่คุณรอมาตลอด!

ดาวน์โหลดคู่มือการใช้ MAP สำหรับเกษตรกรไทย
สินค้าแนะนำ
สินค้ายอดนิยม
บทความยอดนิยม
แนะนำให้อ่าน
ติดต่อเรา
ติดต่อเรา
img
https://shmuker.oss-cn-hangzhou.aliyuncs.com/tmp/temporary/60ec5bd7f8d5a86c84ef79f2/60ec5bdcf8d5a86c84ef7a9a/thumb-prev.png