ในวงการเกษตรที่ต้องเผชิญกับความต้องการอาหารเพิ่มขึ้นและทรัพยากรจำกัด การเลือกใช้ปุ๋ยที่มีประสิทธิภาพจึงเป็นหัวใจสำคัญของการผลิตที่ยั่งยืน หนึ่งในสารเคมีที่ได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มปุ๋ยฟอสฟอรัสคือ ฟอสเฟตแอมโมเนียมโมโน (Monoammonium Phosphate - MAP) ซึ่งไม่เพียงแต่ให้ไนโตรเจนและฟอสฟอรัสในอัตราส่วนที่สมดุล แต่ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดูดซึมของพืชโดยตรง
MAP มีสูตรทางเคมีเป็น NH₄H₂PO₄ โดยมี N:P₂O₅ = 11:52% ซึ่งหมายความว่าพืชสามารถดูดซึมธาตุอาหารได้อย่างรวดเร็วในช่วงแรกของการเจริญเติบโต งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ไทย (2022) พบว่า เมื่อเทียบกับปุ๋ยฟอสฟอรัสแบบธรรมดา เช่น Superphosphate, MAP ช่วยเพิ่มการดูดซึมฟอสฟอรัสในพืชได้ถึง 35–40% โดยเฉพาะในดินที่มี pH ระหว่าง 5.5–7.0
ประเภทพืช | ปริมาณ MAP ที่แนะนำ (กก./ไร่) | ผลผลิตเฉลี่ย (กก./ไร่) |
---|---|---|
ข้าว | 60–80 | 4,200–4,800 |
ข้าวโพด | 50–70 | 3,800–4,300 |
มะเขือเทศ | 40–60 | 2,500–3,000 |
จากการศึกษาของศูนย์วิจัยพืชเศรษฐกิจแห่งชาติ (2021) พบว่า พืชที่ได้รับ MAP อย่างเหมาะสมจะมีรากยาวขึ้นถึง 25% และมีจำนวนรากฝอยมากขึ้นกว่า 30% เมื่อเทียบกับกลุ่มควบคุม ซึ่งนำไปสู่การดูดซึมน้ำและแร่ธาตุได้ดีขึ้น โดยเฉพาะในฤดูแล้งหรือพื้นที่ขาดน้ำ ทำให้พืชทนต่อความเครียดได้ดีขึ้น
นอกจากนี้ MAP ยังช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของพืชผ่านการสร้างสารฟอสโฟลิปิดในเยื่อหุ้มเซลล์ ลดการเกิดโรคเชื้อราและแบคทีเรีย เช่น โรคใบไหม้ในข้าว หรือโรคไวรัสในมะเขือเทศ ตามรายงานจากโครงการพัฒนาเกษตรอินทรีย์ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พบว่าการใช้ MAP ร่วมกับปุ๋ยอินทรีย์สามารถลดการใช้สารฆ่าเชื้อได้ถึง 40%
MAP เหมาะสำหรับดินประเภทดินร่วน ดินทราย และดินเหนียวที่มี pH กลางถึงเป็นกรดเล็กน้อย (5.5–7.0) หากใช้กับดินเป็นด่าง (pH > 7.5) ควรผสมกับปุ๋ยอินทรีย์เพื่อปรับสภาพดินและลดการจับกับแคลเซียม
คำแนะนำในการใช้: ใช้ในช่วงปลูกขั้นต้น (15–30 วันแรกหลังหว่าน) หรือผสมกับปุ๋ยอินทรีย์ในกระบวนการเตรียมดิน เพื่อให้พืชได้รับธาตุอาหารอย่างต่อเนื่องและลดการสูญเสียฟอสฟอรัสในดิน
คุณกำลังมองหาวิธีเพิ่มผลผลิตและลดต้นทุนการผลิตในภาคเกษตร?
MAP คือคำตอบที่คุณรอมาตลอด!