ในยุคที่ความต้องการอาหารเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและทรัพยากรธรรมชาติเริ่มขาดแคลน ฟอสเฟตมอนออมโมเนียม (Monoammonium Phosphate - MAP) จึงกลายเป็นหนึ่งในสารปุ๋ยเคมีที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในกลุ่มเกษตรกรทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศที่มีดินเป็นกรด เช่น ไทย อินโดนีเซีย และเวียดนาม
การศึกษาจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์แห่งประเทศไทยพบว่า การใช้ MAP แทนปุ๋ยฟอสฟอรัสแบบเดิมสามารถเพิ่มผลผลิตข้าวได้เฉลี่ย 18–25% ในพื้นที่ดินเป็นกรด และลดการสูญเสียธาตุอาหารไปกับการซึมผ่านของน้ำถึง 30%
MAP มีสูตรทางเคมี NH₄H₂PO₄ ซึ่งให้ไนโตรเจน (N) และฟอสฟอรัส (P) ในอัตราส่วน 11-52-0 ทำให้มันเหมาะกับการใช้ในระยะเริ่มต้นของการเติบโตของพืช โดยเฉพาะเมื่อพืชกำลังสร้างรากและระบบการดูดซึมสารอาหารอย่างมีประสิทธิภาพ
คุณสมบัติหลัก | ประโยชน์ต่อพืช |
---|---|
ความบริสุทธิ์ > 98% | ดูดซึมเร็ว ไม่มีสารตกค้าง |
ละลายในน้ำได้ดี | เหมาะกับระบบน้ำหยดและพื้นที่แห้งแล้ง |
ปรับ pH ดินได้ดี | ช่วยเพิ่มความสามารถในการดูดซึมธาตุอาหารในดินกรด |
ตามรายงานของ FAO (องค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ) ในปี 2023 ปุ๋ยชนิดนี้ถูกใช้ในกว่า 70% ของแปลงนาข้าวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องจากประสิทธิภาพในการเพิ่มผลผลิตโดยไม่กระทบต่อสิ่งแวดล้อม
📌 คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ: ควรใช้ MAP ในช่วง 15–30 วันแรกหลังปลูก เพื่อกระตุ้นการเจริญเติบโตของราก และผสมกับน้ำในอัตรา 1 กิโลกรัมต่อ 100 ลิตร เพื่อให้ได้ผลลัพธ์สูงสุด
หากคุณเป็นเกษตรกรที่มองหาทางเลือกที่ปลอดภัย ประหยัด และมีประสิทธิภาพ เราขอแนะนำให้ทดลองใช้ฟอสเฟตมอนออมโมเนียมในระบบการเพาะปลูกของคุณ ไม่เพียงแต่จะเห็นผลลัพธ์ในฤดูกาลนี้เท่านั้น แต่ยังช่วยเสริมสร้างความยั่งยืนของดินและแหล่งน้ำในระยะยาวด้วย
เลือกฟอสเฟตมอนออมโมเนียม เพื่อการเกษตรที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืน — ลงมือวันนี้เพื่อผลผลิตพรุ่งนี้!
ดาวน์โหลดคู่มือการใช้ MAP ฟรี + แผนการบำรุงดินแบบยั่งยืน